2 ใน 3 ของชาวอเมริกันบอกว่ารัฐบาลของพวกเขาทำงานไม่เต็มที่เกี่ยวกับการตามล่า และตั้งข้อกล่าวหากับเหล่าอาชญากรไซเบอร์ หรือเรียกอีกอย่างว่าผู้กระทำผิดต่อกฎหมายคอมพิวเตอร์ แต่คำว่าทำงานไม่เต็มที่ไม่ได้หมายถึงการเพิกเฉยต่อหน้าที่การงาน เพราะในบทความนี้จะบอกถึงสิ่งที่พวกเขาทำ
ความสำคัญของอาชญากรรมไซเบอร์อยู่ในระดับไหน?
ทุกวันนี้ FBI ของสหรัฐไม่ได้เพิกเฉยต่อการตามล่า และตั้งข้อหาอาชญากรเลยแม้แต่คนเดียว แต่ปัญหาของ FBI ไม่ได้มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว แต่ปัญหาก็คือจำนวนของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์นั้นมีไม่มากพอ ผู้อำนวยการของ FBI บอกว่า “ความสำคัญของอาชญากรรมไซเบอร์นั้นอยู่ตามหลัง การต่อต้านผู้ก่อการร้าย และโจรกรรมเท่านั้นเอง” นั่นหมายความว่าการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์นั้นไม่ได้เริ่มต้นเมื่อเร็วๆนี้
แต่ ณ วันนี้อุตสาหกรรมไอทีนั้นเติบโตรวดเร็วมาก และรูปแบบของอาชญากรไซเบอร์ก็มากขึ้นด้วย พร้อมทั้งสร้างความเสียหายด้านการเงินอย่างหนัก ซึ่งทาง FBI ก็ให้ความสำคัญมาก แค่รองจากการก่อการร้าย
ความคิดเห็นของคนแต่ละวัย
จากงานวิจัยที่พบว่า 2 ใน 3 ของชาวอเมริกันรู้สึกว่ารัฐบาลยังไม่เอาจริงเอาจังกับการตามล่าอาชญากรไซเบอร์ด้วยคำถามว่า “คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่ารัฐบาลกลางไม่เอาจริงเอาจังกับการตามล่า และตั้งข้อกล่าวเหล่าอาชญากรไซเบอร์?”

แต่อย่างไรก็ตามเหล่าผู้เชี่ยวชาญยังอยากรู้สัดส่วนของความคิดเห็นของคนแต่ละวัย อย่างเช่นตัวอย่างของวัยรุ่น และเยาวชนที่มีถึง 25% ที่ไม่รู้สึกว่าอาชญากรรมไซเบอร์เป็นเรื่องใกล้ตัว

สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ วัยรุ่นและเยาวชนอายุ 18-24 ปีนั้นมีปริมาณการใช้คอมพิวเตอร์สูง แต่พวกเขากลับไม่รู้สึกถึงภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ แต่พวกเขากลับคิดว่าตัวเองมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามทาง FBI ของสหรัฐฯก็ไม่ได้ดูแคลนภัยร้ายเหล่านี้ และกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นเพื่อไล่ตามวายร้ายบนโลกออนไลน์อยู่
2 ใน 3 ของชาวอเมริกันบอกว่ารัฐบาลของพวกเขาทำงานไม่เต็มที่เกี่ยวกับการตามล่า และตั้งข้อกล่าวหากับเหล่าอาชญากรไซเบอร์ หรือเรียกอีกอย่างว่าผู้กระทำผิดต่อกฎหมายคอมพิวเตอร์ แต่คำว่าทำงานไม่เต็มที่ไม่ได้หมายถึงการเพิกเฉยต่อหน้าที่การงาน เพราะในบทความนี้จะบอกถึงสิ่งที่พวกเขาทำ
ความสำคัญของอาชญากรรมไซเบอร์อยู่ในระดับไหน?
ทุกวันนี้ FBI ของสหรัฐไม่ได้เพิกเฉยต่อการตามล่า และตั้งข้อหาอาชญากรเลยแม้แต่คนเดียว แต่ปัญหาของ FBI ไม่ได้มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว แต่ปัญหาก็คือจำนวนของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์นั้นมีไม่มากพอ ผู้อำนวยการของ FBI บอกว่า “ความสำคัญของอาชญากรรมไซเบอร์นั้นอยู่ตามหลัง การต่อต้านผู้ก่อการร้าย และโจรกรรมเท่านั้นเอง” นั่นหมายความว่าการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์นั้นไม่ได้เริ่มต้นเมื่อเร็วๆนี้
แต่ ณ วันนี้อุตสาหกรรมไอทีนั้นเติบโตรวดเร็วมาก และรูปแบบของอาชญากรไซเบอร์ก็มากขึ้นด้วย พร้อมทั้งสร้างความเสียหายด้านการเงินอย่างหนัก ซึ่งทาง FBI ก็ให้ความสำคัญมาก แค่รองจากการก่อการร้าย
ความคิดเห็นของคนแต่ละวัย
จากงานวิจัยที่พบว่า 2 ใน 3 ของชาวอเมริกันรู้สึกว่ารัฐบาลยังไม่เอาจริงเอาจังกับการตามล่าอาชญากรไซเบอร์ด้วยคำถามว่า “คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่ารัฐบาลกลางไม่เอาจริงเอาจังกับการตามล่า และตั้งข้อกล่าวเหล่าอาชญากรไซเบอร์?”
แต่อย่างไรก็ตามเหล่าผู้เชี่ยวชาญยังอยากรู้สัดส่วนของความคิดเห็นของคนแต่ละวัย อย่างเช่นตัวอย่างของวัยรุ่น และเยาวชนที่มีถึง 25% ที่ไม่รู้สึกว่าอาชญากรรมไซเบอร์เป็นเรื่องใกล้ตัว
สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ วัยรุ่นและเยาวชนอายุ 18-24 ปีนั้นมีปริมาณการใช้คอมพิวเตอร์สูง แต่พวกเขากลับไม่รู้สึกถึงภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ แต่พวกเขากลับคิดว่าตัวเองมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามทาง FBI ของสหรัฐฯก็ไม่ได้ดูแคลนภัยร้ายเหล่านี้ และกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นเพื่อไล่ตามวายร้ายบนโลกออนไลน์อยู่
แบ่งปันสิ่งนี้: