ในปัจจุบันโปรแกรมเรียกค่าไถ่ หรือ Ransomware ถูกใช้เป็นเครื่องมือของอาชญากรไซเบอร์มากขึ้นเรื่อยๆ
ใน 12 เดือนที่ผ่านมาการโจมตีด้วยโปรแกรมเรียกค่าไถ่สูงขึ้นถึง 16% จากบทความเกี่ยวกับโปรแกรมเรียกค่าไถ่ล่าสุดของ ESET Ransomware Everywhere
ซึ่งเขียนเกี่ยวกับจุดเด่นของโปรแกรมเรียกค่าไถ่ ที่กำลังโจมตีสถาบัน หรือองค์กร อย่างเช่น โรงพยาบาล และเหตุผลว่าทำไมโปรแกรมเรียกค่าไถ่ถึงเป็นที่นิยม
ในรายงานเขียนว่า 89% ของการโจมตีมีจุดประสงค์เกี่ยวกับการเงินและการจารกรรม อีกสิ่งที่น่าสนใจก็คือกลลวง Phishing มีส่วนเกี่ยวข้อง และชี้ว่าคนทั่วไปยังคงไม่คุ้นเคยกับกลลวงนี้
ยกตัวอย่าง ใน ปี 2015 Verizon พบว่า 30% ของจ้อความ Phishing ถูกเปิด ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 23% ในเวลาแค่ปีเดียว
Phishing ถูกใช้มาเป็นเวลาหลายปี ด้วยจุดประสงค์เพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว ซึ่งจะมาในรูปแบบของอีเมล์, ข้อความ SMS หรือหน้าเว็บไซต์
“ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปมากแค่ไหน จะมีการตรวจจับ หรือเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากเพียงใด แต่พวกเรายังคงเห็นความผิดพลาดซ้ำๆ ที่เรารู้ว่ามานานนับสิบปี”
โดยทั้งหมดเริ่มจากอีเมล์ Phishing ที่แนบไฟล์อันตราย หรือระบุลิงก์เว็บไซต์ที่ถูกควบคุมโดยอาชญากร ซึ่งบรรจุมัลแวร์อันตราย และจะเริ่มทำงานหากคลิกบนลิงก์ หรือไฟล์ท่ีแนบมา และฝังตัวอยู่บนระบบก่อนที่อาชญากรจะดำเนินการ เข้ารหัสข้อมูล เข้าถึงข้อมูลสำคัญ หรือแม้ขโมยข้อมูลส่วนตัว
ท้ายที่สุดอาชญากรจะใช้ข้อมูลที่พวกเขาหาได้บนคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง อย่างเช่นการเข้าถึงบัญชีธนาคาร
“หลายครั้งที่มีการพิสูจน์ว่าไม่มีระบบไหนที่เจาะไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วอาชญากรย่อมเลือกเป้าหมายที่ง่ายกว่า”
ในปัจจุบันโปรแกรมเรียกค่าไถ่ หรือ Ransomware ถูกใช้เป็นเครื่องมือของอาชญากรไซเบอร์มากขึ้นเรื่อยๆ
ใน 12 เดือนที่ผ่านมาการโจมตีด้วยโปรแกรมเรียกค่าไถ่สูงขึ้นถึง 16% จากบทความเกี่ยวกับโปรแกรมเรียกค่าไถ่ล่าสุดของ ESET Ransomware Everywhere
ซึ่งเขียนเกี่ยวกับจุดเด่นของโปรแกรมเรียกค่าไถ่ ที่กำลังโจมตีสถาบัน หรือองค์กร อย่างเช่น โรงพยาบาล และเหตุผลว่าทำไมโปรแกรมเรียกค่าไถ่ถึงเป็นที่นิยม
ในรายงานเขียนว่า 89% ของการโจมตีมีจุดประสงค์เกี่ยวกับการเงินและการจารกรรม อีกสิ่งที่น่าสนใจก็คือกลลวง Phishing มีส่วนเกี่ยวข้อง และชี้ว่าคนทั่วไปยังคงไม่คุ้นเคยกับกลลวงนี้
ยกตัวอย่าง ใน ปี 2015 Verizon พบว่า 30% ของจ้อความ Phishing ถูกเปิด ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 23% ในเวลาแค่ปีเดียว
Phishing ถูกใช้มาเป็นเวลาหลายปี ด้วยจุดประสงค์เพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว ซึ่งจะมาในรูปแบบของอีเมล์, ข้อความ SMS หรือหน้าเว็บไซต์
“ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปมากแค่ไหน จะมีการตรวจจับ หรือเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากเพียงใด แต่พวกเรายังคงเห็นความผิดพลาดซ้ำๆ ที่เรารู้ว่ามานานนับสิบปี”
โดยทั้งหมดเริ่มจากอีเมล์ Phishing ที่แนบไฟล์อันตราย หรือระบุลิงก์เว็บไซต์ที่ถูกควบคุมโดยอาชญากร ซึ่งบรรจุมัลแวร์อันตราย และจะเริ่มทำงานหากคลิกบนลิงก์ หรือไฟล์ท่ีแนบมา และฝังตัวอยู่บนระบบก่อนที่อาชญากรจะดำเนินการ เข้ารหัสข้อมูล เข้าถึงข้อมูลสำคัญ หรือแม้ขโมยข้อมูลส่วนตัว
ท้ายที่สุดอาชญากรจะใช้ข้อมูลที่พวกเขาหาได้บนคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง อย่างเช่นการเข้าถึงบัญชีธนาคาร
“หลายครั้งที่มีการพิสูจน์ว่าไม่มีระบบไหนที่เจาะไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วอาชญากรย่อมเลือกเป้าหมายที่ง่ายกว่า”
แบ่งปันสิ่งนี้: