สองปีที่ผ่านมา Ransomware หรือ โปรแกรมเรียกค่าไถ่ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากรูปแบบที่ง่าย และสามารถเป็นเครื่องมือในการเรียกค่าไถ่
ซอฟต์แวร์อันตรายนี้ เมื่อเข้าสู่ระบบจะทำการเข้ารหัสไฟล์ ทำให้เจ้าของไฟล์ไม่สามารถเข้าถึงไฟล์ได้ เหมือนการลักพาตัว ทางเดียวที่จะสามารถเข้าถึงไฟล์ได้ก็คือจ่ายเงินให้กับอาชญากร (ซึ่งไม่มีการยืนยันว่าจะได้ไฟล์คืนทั้งหมด) นี่จึงเป็นสาเหตุให้โปรแกรมเรียกค่าไถ่มีประสิทธิภาพมากในวงการอาชญากรรมไซเบอร์
โปรแกรมเรียกค่าไถ่ไม่ใช่สิ่งใหม่ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเห็นการวิวัฒนาการของมัน ซึ่งต้องยอมรับว่าวิวัฒนาการของโปรแกรมเรียกค่าไถ่นั้นรวดเร็วอย่างน่าตกใจ การแพร่กระจายของโปรแกรมเรียกค่าไถ่ สร้างความเสียหาย และความวุ่นวายให้กับทุกภาคส่วน ทั้งการเงิน การขนส่ง หรือแม้กระทั่งตัวบุคคล
โปรแกรมเรียกค่าไถ่นั้นไม่เพียงโจมตีเป็นรายบุคคล หรือองค์กรอีกต่อไป เพราะในปัจจุบันโปรแกรมเรียกค่าไถ่เลือกโจมตีใครก็ได้ที่พวกเขาต้องการ
Ransomware: ภัยที่ต้องระวังในปี 2016
หลายบริษัทชั้นนำด้านความปลอดภัยอย่างเช่น ESET ชี้ว่า Ransomware เป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้ และในอนาคต
“ผลกระทบต่อผู้ใช้ คือ ถูกขัดขวางไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงไฟล์ของพวกเขาได้สาเหตุมาจากโค้ดอันตรายของอาชญากร” คุณ Camilo Gutiérrez Amaya อธิบายในการพยากรณ์ไซเบอร์ปี 2016 ของ ESET
“สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดในเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย โปรแกรมเรียกค่าไถ่สามารถทำอันตรายกับองค์กรที่ไม่ทำการสำรองข้อมูล และเข้าแทรกแซงระบบการป้องกันได้อย่างง่ายดาย”
อย่าประมาท
คุณ Gutiérrez Amaya เน้นย้ำเสมอว่าสิ่งสำคัญคือ การสำรองทรัพย์สินไซเบอร์ของคุณ เช่น การถ่ายภาพ เอกสารงาน ฯลฯ และขอขีดเส้นใต้เอาไว้ว่าการสำรองข้อมูลกลายเป็นสิ่งที่คนละเลยในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นอย่ารอให้สายเกินไปจนโปรแกรมเรียกค่าไถ่จะพรากสิ่งที่คุณรักไปจากคุณ
กุญแจแห่งชัยชนะ: สำรองข้อมูล
ท่ามกลางหลากหลายทางเลือก มีอยู่สิ่งหนึ่งที่สามารถพาเราผ่านพ้นภัยคุกคามนี้ได้อย่างไม่มีข้อกังขา คือการสำรองข้อมูล เพราะถ้าหากคุณใช้ข้อมูลโดยไม่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต จะไม่มีใครสามารถเอาไฟล์ของคุณไปได้

Pingback: บทวิเคราะห์ความปลอดภัย : Remaiten, Trident และ World Backup Day – Welivesecurity Thai Edition's
Pingback: ล้วงลึกกับ ESET: Ransomstory (ตอนที่ 3) – Welivesecurity Thai Edition's