เป็นที่รู้กันของผู้อ่าน We Live Security ว่าในเดือนธันวาคมของทุกๆ ปี นักวิจัยของ ESET จะคาดการณ์แนวโน้มการโจมตีของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ที่กำลังจะมาในปีหน้า
ในปีที่แล้วจะเน้นไปที่ความเป็นส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ต การโจมตีใหม่ๆ ใน Android และปัญหามัลแวร์ประสิทธิภาพสูงระลอกใหม่ ปัญหาทั้งหมดนี้ได้มีการโพสต์ในบล็อกตั้งแต่ปี 2014ในวันนี้เราจะมาสรุปสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2015และหลังจาก 2-3 วันนี้คุณสามารถดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มรวมไปถึงตัวเลขและกราฟเกี่ยวกับการคาดการณ์ครั้งนี้
การโจมตีแบบเจาะจงเป้าหมาย
บทเรียนหนึ่งทีเราได้เรียนรู้ในปีที่ผ่านมาคือการโจมตีแบบเจาะจงเป้าหมายมีมากขึ้น และในปีต่อไปก็จะมีมากขึ้นไปอีก (เช่น การโจมตี Sony ที่เป็นข่าวดังอยู่ขณะนี้) การโจมตีแบบนี้เรียกกันว่า AdvancedPersistent Threats (APTs) การโจมจีในรูปแบบนี้ต่างจากการโจมตีรูปแบบเดิมๆ ที่เลือกเป้าหมายแฝงตัว และเริ่มโจมตี
อย่างแรกเลย การโจมตีมีการเลือกเป้าหมายเมื่อเทียบกับการโจมตีแบบเก่าที่ใช้เป้าการโจมตีหลากหลายเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์
อย่างที่สอง รูปแบบการโจมตีจะพยายามโจมตีไม่ให้ใครสังเกตเห็นเป็นเวลานานในสถานการณ์นี้ความสำคัญมุ่งไปที่การโจมตีซึ่งเน้นไปที่เป้าหมายทางวิศวกรรมเทคนิคหรือ 0-day Exploit (การใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในระบบ และทำการโจมตีครั้งแรกก่อนที่จะมีการแก้ไข)
จากการเก็บข้อมูลของ APTnote (เว็บไซต์ที่รวบรวมการโจมตีแบบ APT จากข้อมูลและเอกสารที่มีการเปิดเผยสู่สาธารณะเรียงตามปี) รูปแบบการโจมตีนี้เติบโตขึ้นมากหลายปีที่ผ่านมาโดยจากที่มีการโจมตีเพียง 3 รายในปี 2010 มาเป็น 53 รายในปี 2014 และอาจจะมีมากกว่านี้กับข้อมูลที่ไม่มีการเปิดเผย ในปี 2014 ทาง We Live Security ได้มีการเผยแพร่ตัวอย่างโจมตีแบบนี้ เช่น ในแคมเปญ BlackEnergy หรือ WindigoOperation
จากรายงานของ United States Identity Theft Resource Center พบว่า ในปี 2014 มีการละเมิดข้อมูลสำคัญไป 720 ครั้ง และ 304 ครั้ง (42%) เป็นข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ
สถิตินี้อ้างอิงจากการโจมตีที่มีการเปิดเผยสู่สาธารณะ ซึ่งจากตัวเลขเหล่านี้เป็นตัวยืนยันว่าแนวโน้มที่บอกกำลังเป็นจริงตัวเลขจริง แต่อย่างไรก็ตามอาจจะมีการโจมตีขนาดใหญ่กว่านี้แต่ไม่เคยมีการบันทึกไว้ หรือเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้รู้ เพราะเป็นความลับทางธุรกิจ
ระบบการจ่ายเงิน เป้าหมายสำคัญ
มันเป็นของคู่กันที่ระบบการจ่ายเงินออนไลน์กำลังเติบโตขึ้นเหล่าบรรดาอาชญากรไซเบอร์ที่สนใจเรื่องนี้ก็เติบโตขึ้นด้วยเหมือนกัน ณ จุดๆ นี้เคยมีแฮกเกอร์ที่พยายามจะโจมตีระบบจ่ายเงินออนไลน์ที่มีมากมายบนเว็บไซต์ ในปี 2014 ในเดือนพฤษภาคม เราเห็นการโจมตีครั้งเดียวที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บางรายของ Dogevault เมื่อมีผู้ใช้บางคนร้องเรียนก่อนที่เว็บจะถูกปิดลงจะเห็นได้ว่ามีเงินอยู่ในกระเป๋าคนอื่นมากกว่า 100 ล้าน Dogecoins (สกุลเงินออนไลน์)
ในอีกกรณีหนึ่ง เครื่องคิดเงินแบบทั่วไป (Point of Sale – PoS) ซึ่งได้รับความนิยมในวงกว้างและมีผู้เขียนมัลแวร์โจมตีด้วยเช่นกัน เมื่อกลางปี 2014 เราได้เผยแพร่ข้อมูลบน We Live Security เกี่ยวกับหนอนอินเทอร์เน็ต Win32/BrutPOS ซึ่งพยายามจะฝังตัวลงในเครื่อง PoS และพยายามจะแทรกแซงรหัสผ่านเพื่อเข้าสู้ระบบผ่านทาง Remote Desktop Protocol (RDP)
นอกจากนี้ยังมีมัลแวร์ในตระกูลอื่นๆ สำหรับเครื่อง PoS เช่น JacksPos หรือ Dexter ซึ่งอาจจะมีส่วนในการโจมตีครั้งใหญ่ เช่น ห้าง Target (ข้อมูลของบัตรกว่า 40 ล้านใบถูกขโมยไป) หรือห้าง Home Depot มีบัตรกว่า 56 ล้านใบถูกขโมยข้อมูลไปการโจมตียาวนานถึง 5 เดือน (เริ่มต้นในเดือนเมษายน แต่ยังไม่มีการตรวจพบจนเดือนกันยายนเมื่อบริษัทมีการประกาศการรั่วไหลของข้อมูลออกมา)
มีความน่าสนใจตรงที่มีข้อมูลซอร์สโค้ดของ BlackPOS รั่วออกมาในปี 2012 ซึ่งอาจจะช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้างสายพันธุ์ใหม่ของภัยคุกคามประเภทนี้ที่อาจจะเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า
Bitcoin, Ransomware และ Malware
จากหัวข้อที่แล้วผู้พัฒนามัลแวร์พยายามอย่างต่อเนื่องที่จะบุกรุกระบบเงินออนไลน์และระบบรับจ่ายเงินในปี 2015 ยกตัวอย่างเช่น การปฏิบัติงานซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ ที่แฮกเกอร์สามารถได้เงินไปมากกว่า 600,000 เหรียญสหรัฐฯในระบบเงินดิจิตอลผ่านการใช้เครื่องที่ถูกบุกรุกในระบบเครือข่ายผ่านการติดเชื้อไปยังอุปกรณ์ NAS ที่ซึ่งแฮกเกอร์ได้สร้างโฟลเดอร์ชื่อ PWNED ไว้โดยใส่โปรแกรม CPUMiner เอาไว้ โปรแกรมนี้จะทำหน้าที่หา Bitcoin และ Dogecoin สิ่งที่น่าสนใจก็คือการโจมตีชนิดนี้จะสร้างเงินใหม่แทนที่จะขโมยมันไปจากผู้ที่ถูกบุกรุกถือเป้ฯทางเลือกใหม่ในการขโมย
ในทำนองเดียวกันเว็บไซต์ SecureMac ยังได้ออกรายงานในเดนอกุมภาพันธ์เกี่ยวกับการทำเหมือง Bitcoin ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้ใช้ MacOS โดยแฮกเกอร์ได้กระจายแอพฯ Bitcoin โดยการนำแอพฯ ที่ผ่านการตรวจสอบแล้วมาดัดแปลงใหม่เพื่อบรรจุโทรจันลงไป
ในท้ายที่สุด Ransomware (การจับตัวประกันเรียกค่าไถ่) จะเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับนักพัฒนามัลแวร์และมันจะเป็นภัยคุกคามที่มีมากขึ้นในปีที่จะถึงนี้ในปี 2014 เราเห็นบริษัทใหญ่ๆ โดน Ransomware เล่นงาน เช่น Yahoo, Match และ AOL ในเดือนกรกฎาคมนักวิจัยของ ESET ได้เปิดเผยการวิเคราะห์ Android/Simplocker ซึ่งเป็นการเปิดเผยครั้งแรกให้เห็นถึงไฟล์การเข้ารหัสของ Android ที่เปิดการทำงาน Ransomware ในเดือนธันวาคมในการอภิปรายที่ GeorgetownLaw ในงาน Cybercrime 2020: The Future of Online Crime andInvestigations ได้มีการกล่าวว่า Ransomware คืออนาคตของอาชญากรคอมพิวเตอร์
Internet of Thing โจมตีทุกสิ่ง
บรรดาอุปกรณ์ดิจิตอลรุ่นใหม่ทั้งหลายล้วนแล้วแต่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้จากทุกที่ไปยังระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้านหรือเครื่องควบคุมอุณหภูมิ แนวโน้มที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่า Internet of Thing หรือ IoT โดยเทคโนโลยีนี้จะเติบโตขึ้นมากในปี 2015 เราไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมเทคโนโลยีนี้จะต้องเป็นที่สนใจของอาชญากรคอมพิวเตอร์จนในปีนี้เราได้เห็นหลักฐานบางอย่างของแนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่นี้เช่นการโจมตีบนรถที่แสดงให้เห็นในงาน DefCon โดยใช้กบ่อง ECU หรือรถ Tesla ที่ถูกแฮกให้เปิดประตูในขณะที่แล่นอยู่ซึ่งค้นพบโดย NiteshDhanjani การโจมตีและการพิสูจน์ถึงแนวคิดนี้แสดงให้ถึงเป้าการโจมตีมากมาย เช่นสมาร์ททีวี อุปกรณืกล่องรับสัญญาณทีวี ระบบไบโอเมตริกซ์บนสมาร์ทโฟน (เช่นระบบจดจำลายนิ้วมือ) เราทเตอร์ หรือแม้แต่ Google Glass มันอาจจะเคยมีรายงานเกี่ยวการแฮก IoT แต่บางส่วนก็พูดเกินความจริงไปมากเรากล่าวถึงแนวโน้มนี้จากเหตการณ์ที่ผ่านมาก แต่มันอาจจะไม่เป็นปัญหาใหญ่ในปีหน้าแต่มันเป็นพื้นที่ในการก่ออาชญากรรมแบบใหม่ เราคาดว่าอาจจะใช้เวลาอีก 2-3 ปีกว่าจะเป็นปัญหาในวงกว้าง แต่ทั้งนี้มันเป็ฯเพียงแนวโน้ม ไม่ใช่ปัญหาในเชิงปริมาณแต่มันเป็นปัญหาเฉพาะด้านและปัญหาทางนวัตกรรม
ข้อสรุป
นี่เป็นเพียงหัวข้อสำคัญที่เราคิดว่าจะเป็นปัญหาใหญ่เกี่ยวมัลแวร์และอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ในปี 2015 ยังมีแนวโน้มอื่นๆ อีก เช่นการโจมตีอุปกรณ์มือถือที่ยังคงมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคอยติดตามรายงานฉบับเต็มได้ทีนี่เร็วๆ นี้
0 comments on “แนวโน้มและการคาดการณ์ภัยร้ายไซเบอร์ ปี 2015”