ณ สถานการณ์ของการแพร่ระบาดโคโรน่าไวรัส หลายคนต้องทำงานที่บ้าน แต่ที่หลายคนอาจลืมคือการปกป้องตัวเองจากการโจมตีไซเบอร์
อาชญากรไซเบอร์หรือแฮกเกอร์ได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างชัดเจน 2 อย่าง คือ
คนจำนวนมากค้นหาเกี่ยวกับโคโรน่าไวรัส บนอินเตอร์เน็ต ซึ่งแฮกเกอร์สามารถเตรียมแผนการต่างๆโดยใช้คำว่าโคโรน่าหรือโควิดรวมอยู่ได้ ตัวอย่างกลโกงที่แฮกเกอร์ใช้โควิดเป็นฉากบังหน้า การทำงานที่บ้าน (Work From Home) หรือนอกสถานที่ทำงานปกติเป็นโอกาสที่แฮกเกอร์จะได้เข้าถึงข้อมูลองค์กร
มีหลายองค์กรที่มีมาตรการและโครงสร้างที่พร้อมสำหรับการทำงาน Work From Home แต่บางธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กอาจไม่พร้อม แต่เรามีคำแนะนำไม่กี่ขั้นตอนสำหรับการป้องกันการโจมตีไซเบอร์
5 เคล็ดลับป้องกันตัวเองจากการโจมตีไซเบอร์:
1. ตรวจสอบและตั้งค่าเร้าเตอร์ – เนื่องจากทำงานที่บ้านข้อมูลทั้งหมดจะผ่านเร้าเตอร์ หากแฮกเกอร์สามารถแทรกซึมเข้าสู่เร้าเตอร์ของเรา ข้อมูลทั้งหมดและคอมพิวเตอร์ของคุณอาจอยู่ในอันตราย
โดยทั่วไปแล้วคุณสามารถเข้าไปที่หน้าการตั้งค่าเร้าเตอร์ด้วยการพิมพ์ 192.168.1.1 ที่หน้าเบราว์เซอร์ และสามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้มากมาย ซึ่งเราแนะนำให้คุณเปลี่ยน Username และ Password ของเร้าเตอร์ เพราะว่าการตั้งค่าจากโรงงานนั้นคาดเดาง่ายสำหรับแฮกเกอร์
สำหรับการตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรง ผมใช้ ESET Password Manager (ส่วนหนึ่งของ ESET Smart Security Premium ) เพื่อจัดการรหัสผ่านทั้งหมดที่คุณมี รวมถึงสร้างรหัสผ่านที่ซับซ้อนและยากจะคาดเดามากๆ โดยที่คุณไม่ต้องจำ
หากเป็นไปได้ให้เปลี่ยน SSID หรือชื่อ Wi-Fi ของคุณ อย่างที่คุณเห็นในภาพด้านล่าง นี่คือ Wi-Fi ทั้งหมดที่ผมเห็นจากอพาร์ทเม้นต์ ซึ่งผมทราบได้ทันทีว่าพวกเขาใช้เร้าเตอร์ของ Huawei แฮกเกอร์ก็เช่นกัน
2. ค้นหาอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ – คุณสามารถใช้โปรแกรมทั่วไปค้นหาได้ ESET Smart Security Premium ก็มีระบบสำหรับการตรวจสอบผู้ที่เข้ามาเชื่อมต่อกับเครือข่ายของคุณ ซึ่งหากคุณพบคนอื่นพยายามใช้ Wi-Fi ของคุณสิ่งที่คุณทำได้ก็คือเปลี่ยนรหัสผ่าน เพื่อให้พวกเขาไม่สามารถใช้งานได้อีก
3. อัพเดตเฟริมแวร์เร้าเตอร์ – ในปัจจุบันมีเร้าเตอร์จำนวนมากที่ไม่ได้อัพเดตและมีช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถใช้เพื่อเจาะระบบเข้าสู่เครือข่ายของเราได้
4. ใช้งาน VPN เพื่อเข้ารหัสข้อมูล – เมื่อคุณเข้าถึงข้อมูลองค์กรผ่านอินเตอร์เน็ต นั่นหมายความว่าคุณกำลังใช้ช่องทางสาธารณะ และ VPN จะเข้ามาทำหน้าที่ให้การเข้าถึงนั้นปลอดภัยและไม่มีใครแทรกแซงได้
5. ใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) ถ้ามี – เราอาจคุ้นเคยกันในชื่อของรหัส OTP (One-Time Password) มากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ระบบนี้จะช่วยให้บัญชีของคุณปลอดภัย แม้แฮกเกอร์จะได้ชื่อบัญชีและรหัสผ่านเราไปแล้วก็ตาม
ที่ ESET มีโซลูชั่นที่ชื่อว่า ESET Secure Authentication ที่เป็นการป้องกันอีกชั้นให้กับบัญชีของคุณ เช่นเดียวกันกับ 2FA อื่นๆ
Translated by: Worapon H.
ณ สถานการณ์ของการแพร่ระบาดโคโรน่าไวรัส หลายคนต้องทำงานที่บ้าน แต่ที่หลายคนอาจลืมคือการปกป้องตัวเองจากการโจมตีไซเบอร์
อาชญากรไซเบอร์หรือแฮกเกอร์ได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างชัดเจน 2 อย่าง คือ
มีหลายองค์กรที่มีมาตรการและโครงสร้างที่พร้อมสำหรับการทำงาน Work From Home แต่บางธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กอาจไม่พร้อม แต่เรามีคำแนะนำไม่กี่ขั้นตอนสำหรับการป้องกันการโจมตีไซเบอร์
5 เคล็ดลับป้องกันตัวเองจากการโจมตีไซเบอร์:
1. ตรวจสอบและตั้งค่าเร้าเตอร์ – เนื่องจากทำงานที่บ้านข้อมูลทั้งหมดจะผ่านเร้าเตอร์ หากแฮกเกอร์สามารถแทรกซึมเข้าสู่เร้าเตอร์ของเรา ข้อมูลทั้งหมดและคอมพิวเตอร์ของคุณอาจอยู่ในอันตราย
โดยทั่วไปแล้วคุณสามารถเข้าไปที่หน้าการตั้งค่าเร้าเตอร์ด้วยการพิมพ์ 192.168.1.1 ที่หน้าเบราว์เซอร์ และสามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้มากมาย ซึ่งเราแนะนำให้คุณเปลี่ยน Username และ Password ของเร้าเตอร์ เพราะว่าการตั้งค่าจากโรงงานนั้นคาดเดาง่ายสำหรับแฮกเกอร์
สำหรับการตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรง ผมใช้ ESET Password Manager (ส่วนหนึ่งของ ESET Smart Security Premium) เพื่อจัดการรหัสผ่านทั้งหมดที่คุณมี รวมถึงสร้างรหัสผ่านที่ซับซ้อนและยากจะคาดเดามากๆ โดยที่คุณไม่ต้องจำ
หากเป็นไปได้ให้เปลี่ยน SSID หรือชื่อ Wi-Fi ของคุณ อย่างที่คุณเห็นในภาพด้านล่าง นี่คือ Wi-Fi ทั้งหมดที่ผมเห็นจากอพาร์ทเม้นต์ ซึ่งผมทราบได้ทันทีว่าพวกเขาใช้เร้าเตอร์ของ Huawei แฮกเกอร์ก็เช่นกัน
2. ค้นหาอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายของคุณ – คุณสามารถใช้โปรแกรมทั่วไปค้นหาได้ ESET Smart Security Premium ก็มีระบบสำหรับการตรวจสอบผู้ที่เข้ามาเชื่อมต่อกับเครือข่ายของคุณ ซึ่งหากคุณพบคนอื่นพยายามใช้ Wi-Fi ของคุณสิ่งที่คุณทำได้ก็คือเปลี่ยนรหัสผ่าน เพื่อให้พวกเขาไม่สามารถใช้งานได้อีก
3. อัพเดตเฟริมแวร์เร้าเตอร์ – ในปัจจุบันมีเร้าเตอร์จำนวนมากที่ไม่ได้อัพเดตและมีช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถใช้เพื่อเจาะระบบเข้าสู่เครือข่ายของเราได้
4. ใช้งาน VPN เพื่อเข้ารหัสข้อมูล – เมื่อคุณเข้าถึงข้อมูลองค์กรผ่านอินเตอร์เน็ต นั่นหมายความว่าคุณกำลังใช้ช่องทางสาธารณะ และ VPN จะเข้ามาทำหน้าที่ให้การเข้าถึงนั้นปลอดภัยและไม่มีใครแทรกแซงได้
5. ใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) ถ้ามี – เราอาจคุ้นเคยกันในชื่อของรหัส OTP (One-Time Password) มากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ระบบนี้จะช่วยให้บัญชีของคุณปลอดภัย แม้แฮกเกอร์จะได้ชื่อบัญชีและรหัสผ่านเราไปแล้วก็ตาม
ที่ ESET มีโซลูชั่นที่ชื่อว่า ESET Secure Authentication ที่เป็นการป้องกันอีกชั้นให้กับบัญชีของคุณ เช่นเดียวกันกับ 2FA อื่นๆ
Translated by: Worapon H.
แบ่งปันสิ่งนี้: