ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1983 นาย Frederick Cohen นักศึกษาปริญญาเอกสาขาวิศวกรรม มหาวิทยาลัย University of Southern California (USC) เชื่อมั่นว่าโปรแกรมอันตรายสามารถเจาะช่องโหว่ของระบบได้ แต่ ณ ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเขียนโค้ดนานแค่ไหน
เขาใช้เวลา 8 ชั่วโมงด้วยระบบ VAX 11/750 เตรียมการสำหรับสัมมนาประจำสัปดาห์ และนาย Lronard Adleman อาจารย์ของเขาเรียกผลงานของเขาว่าคอมพิวเตอร์ไวรัส
Dr.Cohen พูดในการสัมภาษณ์ว่า “ในขณะที่ผมอยู่ในคลาสของอาจารย์ Len Adleman ผมก็นึกไอเดียได้ว่า ไวรัสสามารถเจาะระบบโดยใช้ช่องโหว่เพื่อทำอะไรสักอย่างได้ แต่ปัญหาก็คือต้องใช้เวลานานแค่ไหน”
การทดลองของเขาถือเป็นต้นแบบของไวรัส และแนวคิดในการสร้างมาตรการป้องกันไวรัสขึ้นมา
ด้วยการทำงานของ Dr. Cohen และ Prof. Adleman กับองค์กรวิจัย เราจึงสถาปนาวันที่ 3 พฤศจิกายน ให้เป็นวัน Antimalware Day พวกเราหวังว่าวันนี้จะเป็นอีกวันหนึ่งที่คนจะเฉลิมฉลองและตะหนักถึงความสำคัญของการป้องกันมัลแวร์
นอกจากนี้เราอยากให้ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของข้อความที่จะส่งต่อให้กับผู้ใช้ทั่วโลก ด้วยแฮชแทก #AntimalwareDay

การทดลองที่สร้างประวัติศาสตร์
ใน 8 ชั่วโมงที่ Dr. Cohen ได้พัฒนาโปรแกรมที่สามารถเข้าถึงผู้ใช้ทุกคน และควบคุมข้อมูลภายในเครื่อง เขาได้ทดลองหลายวิิธีที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ โดยเฉลี่ยโค้ดเหล่านี้ใช้เวลาทำงานประมาณ 5 – 30 นาที
เมื่อ Prof. Adleman วินิจฉัยพฤติกรรมของแนวคิดคอมพิวเตอร์ไวรัส แล้วตั้งคำถามขึ้นมาว่า โปรแกรมพวกนี้จะถูกนำไปทำอะไรได้บ้าง และมีอันตรายอย่างไร?
ซึ่งคำตอบของ Dr. Cohen ในปี 1984 ก็คือ “None of the countermeasures examined appear to offer ideal solutions” หรือก็คือไม่มีมาตรการป้องกันไหนที่สามารถป้องกันและแก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสามารถใช้ได้จนถึงทุกวันนี้
เพราะคำถามส่วนมากมุ่งไปที่เทคโนโลยีการป้องกัน ซึ่งใช่ว่าตัวเดียวจะเพียงพอต่อการป้องกันทั้งหมด
เรื่องนี้เหมือนกับเรื่องหนูๆแมวๆไล่จับกันไม่จบไม่สิ้น เพราะเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆขึ้นมาแฮกเกอร์ก็จะหาทางที่จะเจาะทะลุไปให้ได้
Dr. Cohen ให้คำแนะนำง่ายๆว่า ถ้าคุณไม่ต้องการความสะดวกสบายของเทคโนโลยีในทุกวันนี้ คุณก็ไม่ต้องเสี่ยงเท่านั้นเอง
“ในยุคไอที พวกเราสามารถอยู่ในนานขึ้น ดีขึ้น ง่ายขึ้น และมีความสุขขึ้นมากกว่าแต่ก่อน และทุกสิ่งอย่างก็ดูจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งดูเหมือนจะคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่เราจะเผชิญ” Dr. Cohen กล่าว
จากคำพูดของ Dr. Cohen ทำให้เรารู้ว่าการใช้ชีวิตกับเทคโนโลยีนั้นต้องเผชิญกับการ เสียๆซ่อมๆ ตลอดเวลา ถ้าเราไม่ดูแลไม่ต่างจากการป่วยแล้วต้องไปหาหมอ
ความหวังที่ยังมีอยู่
Prof. Adleman ผู้ให้กำเนิดชื่อให้คอมพิวเตอร์ไวรัสบอกว่า “อะไรที่ดีที่สุดและเรา
สามารถทำได้เราก็จำทำ เช่นเดียวกับที่องค์กรผลิตยาทำวัคซีน ยาฆ่าเชื่อ และอื่นๆ เราก็จำเช่นกัน และเราจะทำให้ดีที่สุด”
พวกเราอาจไม่สามารถไปถึงสิ่งที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบได้ และต้องเจอกับความสำเร็จและล้มเหลวมากมาย และอาจไม่สามารถชนะเกมส์วิ่งไล่จับนี้ได้ แต่เราก็จะพยายามให้มากที่สุดเพื่อจุดมุ่งหมายนี้
ที่ ESET เราอุทิศตัวเพื่อวิจัยและสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีให้กับผู้ใช้ และเราอยากให้วัน Antimalware Day เป็นตัวช่วยให้เราส่งสารให้กับสาธารณะ
พวกเราต้องเข้าใจเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังภัยคุกคาม และไม่กล่าวโทษผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ และเผชิญหน้ากับความจริง Dr. Cohen เชื่อว่าเทคโนโลยีใหม่ๆสามารถแก้ปัญหาได้มากกว่าก่อปัญหา เพียงแค่ต้องการการดูแลเท่านั้น
Happy Antimalware Day!
Author: SABRINA PAGNOTTA
Source: https://www.welivesecurity.com/2017/10/31/antimalware-day-genesis-viruses/
Translated by: Worapon H.
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1983 นาย Frederick Cohen นักศึกษาปริญญาเอกสาขาวิศวกรรม มหาวิทยาลัย University of Southern California (USC) เชื่อมั่นว่าโปรแกรมอันตรายสามารถเจาะช่องโหว่ของระบบได้ แต่ ณ ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเขียนโค้ดนานแค่ไหน
เขาใช้เวลา 8 ชั่วโมงด้วยระบบ VAX 11/750 เตรียมการสำหรับสัมมนาประจำสัปดาห์ และนาย Lronard Adleman อาจารย์ของเขาเรียกผลงานของเขาว่าคอมพิวเตอร์ไวรัส
Dr.Cohen พูดในการสัมภาษณ์ว่า “ในขณะที่ผมอยู่ในคลาสของอาจารย์ Len Adleman ผมก็นึกไอเดียได้ว่า ไวรัสสามารถเจาะระบบโดยใช้ช่องโหว่เพื่อทำอะไรสักอย่างได้ แต่ปัญหาก็คือต้องใช้เวลานานแค่ไหน”
การทดลองของเขาถือเป็นต้นแบบของไวรัส และแนวคิดในการสร้างมาตรการป้องกันไวรัสขึ้นมา
ด้วยการทำงานของ Dr. Cohen และ Prof. Adleman กับองค์กรวิจัย เราจึงสถาปนาวันที่ 3 พฤศจิกายน ให้เป็นวัน Antimalware Day พวกเราหวังว่าวันนี้จะเป็นอีกวันหนึ่งที่คนจะเฉลิมฉลองและตะหนักถึงความสำคัญของการป้องกันมัลแวร์
นอกจากนี้เราอยากให้ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของข้อความที่จะส่งต่อให้กับผู้ใช้ทั่วโลก ด้วยแฮชแทก #AntimalwareDay
การทดลองที่สร้างประวัติศาสตร์
ใน 8 ชั่วโมงที่ Dr. Cohen ได้พัฒนาโปรแกรมที่สามารถเข้าถึงผู้ใช้ทุกคน และควบคุมข้อมูลภายในเครื่อง เขาได้ทดลองหลายวิิธีที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ โดยเฉลี่ยโค้ดเหล่านี้ใช้เวลาทำงานประมาณ 5 – 30 นาที
ซึ่งคำตอบของ Dr. Cohen ในปี 1984 ก็คือ “None of the countermeasures examined appear to offer ideal solutions” หรือก็คือไม่มีมาตรการป้องกันไหนที่สามารถป้องกันและแก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสามารถใช้ได้จนถึงทุกวันนี้
เพราะคำถามส่วนมากมุ่งไปที่เทคโนโลยีการป้องกัน ซึ่งใช่ว่าตัวเดียวจะเพียงพอต่อการป้องกันทั้งหมด
เรื่องนี้เหมือนกับเรื่องหนูๆแมวๆไล่จับกันไม่จบไม่สิ้น เพราะเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆขึ้นมาแฮกเกอร์ก็จะหาทางที่จะเจาะทะลุไปให้ได้
Dr. Cohen ให้คำแนะนำง่ายๆว่า ถ้าคุณไม่ต้องการความสะดวกสบายของเทคโนโลยีในทุกวันนี้ คุณก็ไม่ต้องเสี่ยงเท่านั้นเอง
“ในยุคไอที พวกเราสามารถอยู่ในนานขึ้น ดีขึ้น ง่ายขึ้น และมีความสุขขึ้นมากกว่าแต่ก่อน และทุกสิ่งอย่างก็ดูจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งดูเหมือนจะคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่เราจะเผชิญ” Dr. Cohen กล่าว
จากคำพูดของ Dr. Cohen ทำให้เรารู้ว่าการใช้ชีวิตกับเทคโนโลยีนั้นต้องเผชิญกับการ เสียๆซ่อมๆ ตลอดเวลา ถ้าเราไม่ดูแลไม่ต่างจากการป่วยแล้วต้องไปหาหมอ
ความหวังที่ยังมีอยู่
Prof. Adleman ผู้ให้กำเนิดชื่อให้คอมพิวเตอร์ไวรัสบอกว่า “อะไรที่ดีที่สุดและเรา
สามารถทำได้เราก็จำทำ เช่นเดียวกับที่องค์กรผลิตยาทำวัคซีน ยาฆ่าเชื่อ และอื่นๆ เราก็จำเช่นกัน และเราจะทำให้ดีที่สุด”
พวกเราอาจไม่สามารถไปถึงสิ่งที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบได้ และต้องเจอกับความสำเร็จและล้มเหลวมากมาย และอาจไม่สามารถชนะเกมส์วิ่งไล่จับนี้ได้ แต่เราก็จะพยายามให้มากที่สุดเพื่อจุดมุ่งหมายนี้
ที่ ESET เราอุทิศตัวเพื่อวิจัยและสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีให้กับผู้ใช้ และเราอยากให้วัน Antimalware Day เป็นตัวช่วยให้เราส่งสารให้กับสาธารณะ
พวกเราต้องเข้าใจเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังภัยคุกคาม และไม่กล่าวโทษผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ และเผชิญหน้ากับความจริง Dr. Cohen เชื่อว่าเทคโนโลยีใหม่ๆสามารถแก้ปัญหาได้มากกว่าก่อปัญหา เพียงแค่ต้องการการดูแลเท่านั้น
Happy Antimalware Day!
Author: SABRINA PAGNOTTA
Source: https://www.welivesecurity.com/2017/10/31/antimalware-day-genesis-viruses/
Translated by: Worapon H.
แบ่งปันสิ่งนี้: