ในปัจจุบันสินค้าและบริการมีทั้งในโลกจริง และโลกเสมือน ของบางอย่างมีค่าในโลกเสมือนแต่ไม่มีค่าในโลกจริง ESET จัดงานประจำปีที่ให้นักข่าวและผู้ทดสอบความปลอดภัยเข้ามาหารือเกี่ยวกับข่าวคราวเทคโนโลยีล่าสุด และค้นหาสิ่งใหม่ในองค์กรและอุตสาหกรรมความปลอดภัย
ในปีนี้งานจัดขึ้นที่เมือง Tallinn เมืองหลวงของประเทศเอสโตเนีย ประเทษเอสโตเนียเป็นประเทสที่มีความเฉพาะด้านดิจิตอล นับเป็นประเทศแรกที่ใช้ e-Residency หรือการลงทะเบียนกับทางรัฐบาลผ่านระบบดิจิตอลเพื่อเริ่มต้นหรือทำธุรกิจภายใต้การดูแลของสหภาพยุโรป
ใครก็ได้สามารถก่อตั้งบริษัท และทำทุกอย่างบนโลกออนไลน์ทั้งการเซ็นเอกสาร เก็บเอกสาร ทำเรื่องภาษี ฯลฯ โดยไม่ต้องย้ายตำแหน่งไปไหน จนถึงปัจจุบันมีผู้สมัครจำนวน 23,735 คนจาก 138 ประเทศ และมีองค์กรทั้งหมด 3,877 องค์กร
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา คุณ Kaspar Korjus ผู้อำนวยการบริหาร e-Residency จากเอสโตเนียแจ้งเรื่องการใช้สกุลเงินออนไลน์ใหม่ “Estcoin” สร้างกระแสฮือฮาให้กับสื่อเป็นอย่างมาก แนวคิดนี้มาจากนาย Korjus ไม่ได้มาจากรัฐบาลของเอสโตเนีย
แนวคิดของสกุลเงินออนไลน์

ในโลกความเป็นจริงที่ๆคุณใช้เก็บ และบริหารจัดการเงินของคุณก็คือธนาคาร ซึ่งธนาคารจะเป็นผู้ควบคุมกิจกรรมทั้งหมด และอาจอยู่ภายใต้กฎหมายของภาครัฐอีกที เพื่อป้องกันการใช้จ่ายซ้ำซ้อน และอื่นๆ
สำหรับสกุลเงินออนไลน์ไม่มีระบบจัดการที่เก็บรายละเอียดบัญชี และธุรกรรม ลองนึกภาพเพื่อนของคุณ 10 คน ที่มีสกุลเงินออนไลน์ ทุกคนจำเป็นต้องทราบจำนวนเงิน และการซื้อขายของแต่ละคนในแบบ Real-Time เพื่อป้องกันไม่ให้ เพื่อน #1 เพื่อน #2 และเพื่อน #3 ถอนเงินจำนวนเดียวกัน และเมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนใดคนหนึ่งถอนเงิน เพื่อนคนที่เหลือก็จะต้องยืนยันว่าได้รับจำนวนเงินนั้นหรือไม่
เพื่อให้เงินสกุลใหม่เป็นที่นิยมเหมือนกับ Bitcoin เงิน Estcoin จะต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง และผู้ใช้งานที่เรียกกันว่า Miner หรือนักขุดเหมือง
สำหรับ Bitcoin ทุกคนสามารถเป็นนักขุดเหมืองได้ เพียงแค่มีอุปกรณ์เอาไว้สำหรับถอดรหัสอย่างการ์ดจอที่มี GPU เพียงพอ
หลักการของ Bitcoin สามารถอธิบายง่ายๆได้ดังนี้:
- ง่ายและรวดเร็วไม่ว่าจะมาจากที่ไหน Bitcoin สามารถทำงานได้หากมีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่สามารถถอดรหัสได้
- ตัวตนของเจ้าของบัญชีก็คือที่อยู่ดิจิตอลของคนๆนั้น โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวตนจริงๆของผู้ใช้
- ไม่มีการขออนุญาตใดๆ ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของบัญชีได้โดยใช้เพียงซอฟต์แวร์
- การซื้อขาย Bitcoin ไม่สามารถย้อนกลับได้ หลังจากการซื้อขายแลกเปลี่ยนนั้นเสร็จสิ้น
สกุลเงินออนไลน์กับรัฐบาล
เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะเป็นผู้สร้างสกุลเงินออนไลน์ขึ้นมา และมีค่าเท่ากับสกุลเงินในปัจจุบัน
ประเทศเอสโตเนียเป็นหนึ่งในสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) และใช้เงินสกุลยูโร ซึ่งมีกฎหมายและระเบียบที่ขัดกับสกุลเงินออนไลน์ ประธานธนาคารกลางของยุโรป คุณ Mario Draghi ตอบปฏิเสธแนวคิดของ Estcoin โดยทันที และบอกว่าสกุลเงินเดียวที่ใช้ในสหภาพยุโรปก็คือเงิน Euro
บางทีเหตุผลที่ Bitcoin ประสบความสำเร็จอาจเป็นเพราะไม่มีกฎหมายรองรับก็เป็นได้ เพราะการเป็นเจ้าของบัญชีโดยไม่ต้องระบุตัวตนอาจเปิดช่องทางให้ใครหลายคน
ยกตัวอย่างของการใช้ประโยชน์ที่ไม่ถูกต้อง โปรแกรมเรียกค่าไถ่ (Ransomware) ที่แฮกเกอร์พัฒนาขึ้นมาก็ใช้เงินบิทคอยน์เป็นอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาว่าเงินที่เหยื่อจ่ายไปอยู่ที่ไหน จึงไม่สามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้
นอกจากที่จะไม่สามารถหาผู้กระทำผิดได้แล้ว สกุลเงินออนไลน์ก็ไม่ต้องจ่ายภาษี และไม่อยู่ภายใต้กฎหมายใดๆ ทำให้รัฐบาลไม่สนับสนุนกับกระบวนการเหล่านี้
นี่อาจทำให้เราสรุปคร่าวๆได้ว่า เงินสกุลออนไลน์นั้นคงจะไม่ได้รับการสนับสนุนหากไม่มีการยืนยันตัวตนได้อย่างที่ธนาคารทำอยู่ในปัจจุบัน
ส่วนตัวผมอยากให้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสกุลเงินออนไลน์ และหาหนทางที่ถูกต้องเพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยีนี้
Author: Tony Anscombe
Source: https://www.welivesecurity.com/2017/09/12/cryptocurrency-state-sponsorship/
Translated by: Worapon H.
ในปัจจุบันสินค้าและบริการมีทั้งในโลกจริง และโลกเสมือน ของบางอย่างมีค่าในโลกเสมือนแต่ไม่มีค่าในโลกจริง ESET จัดงานประจำปีที่ให้นักข่าวและผู้ทดสอบความปลอดภัยเข้ามาหารือเกี่ยวกับข่าวคราวเทคโนโลยีล่าสุด และค้นหาสิ่งใหม่ในองค์กรและอุตสาหกรรมความปลอดภัย
ในปีนี้งานจัดขึ้นที่เมือง Tallinn เมืองหลวงของประเทศเอสโตเนีย ประเทษเอสโตเนียเป็นประเทสที่มีความเฉพาะด้านดิจิตอล นับเป็นประเทศแรกที่ใช้ e-Residency หรือการลงทะเบียนกับทางรัฐบาลผ่านระบบดิจิตอลเพื่อเริ่มต้นหรือทำธุรกิจภายใต้การดูแลของสหภาพยุโรป
ใครก็ได้สามารถก่อตั้งบริษัท และทำทุกอย่างบนโลกออนไลน์ทั้งการเซ็นเอกสาร เก็บเอกสาร ทำเรื่องภาษี ฯลฯ โดยไม่ต้องย้ายตำแหน่งไปไหน จนถึงปัจจุบันมีผู้สมัครจำนวน 23,735 คนจาก 138 ประเทศ และมีองค์กรทั้งหมด 3,877 องค์กร
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา คุณ Kaspar Korjus ผู้อำนวยการบริหาร e-Residency จากเอสโตเนียแจ้งเรื่องการใช้สกุลเงินออนไลน์ใหม่ “Estcoin” สร้างกระแสฮือฮาให้กับสื่อเป็นอย่างมาก แนวคิดนี้มาจากนาย Korjus ไม่ได้มาจากรัฐบาลของเอสโตเนีย
แนวคิดของสกุลเงินออนไลน์
ในโลกความเป็นจริงที่ๆคุณใช้เก็บ และบริหารจัดการเงินของคุณก็คือธนาคาร ซึ่งธนาคารจะเป็นผู้ควบคุมกิจกรรมทั้งหมด และอาจอยู่ภายใต้กฎหมายของภาครัฐอีกที เพื่อป้องกันการใช้จ่ายซ้ำซ้อน และอื่นๆ
สำหรับสกุลเงินออนไลน์ไม่มีระบบจัดการที่เก็บรายละเอียดบัญชี และธุรกรรม ลองนึกภาพเพื่อนของคุณ 10 คน ที่มีสกุลเงินออนไลน์ ทุกคนจำเป็นต้องทราบจำนวนเงิน และการซื้อขายของแต่ละคนในแบบ Real-Time เพื่อป้องกันไม่ให้ เพื่อน #1 เพื่อน #2 และเพื่อน #3 ถอนเงินจำนวนเดียวกัน และเมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนใดคนหนึ่งถอนเงิน เพื่อนคนที่เหลือก็จะต้องยืนยันว่าได้รับจำนวนเงินนั้นหรือไม่
เพื่อให้เงินสกุลใหม่เป็นที่นิยมเหมือนกับ Bitcoin เงิน Estcoin จะต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง และผู้ใช้งานที่เรียกกันว่า Miner หรือนักขุดเหมือง
สำหรับ Bitcoin ทุกคนสามารถเป็นนักขุดเหมืองได้ เพียงแค่มีอุปกรณ์เอาไว้สำหรับถอดรหัสอย่างการ์ดจอที่มี GPU เพียงพอ
หลักการของ Bitcoin สามารถอธิบายง่ายๆได้ดังนี้:
สกุลเงินออนไลน์กับรัฐบาล
เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะเป็นผู้สร้างสกุลเงินออนไลน์ขึ้นมา และมีค่าเท่ากับสกุลเงินในปัจจุบัน
ประเทศเอสโตเนียเป็นหนึ่งในสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) และใช้เงินสกุลยูโร ซึ่งมีกฎหมายและระเบียบที่ขัดกับสกุลเงินออนไลน์ ประธานธนาคารกลางของยุโรป คุณ Mario Draghi ตอบปฏิเสธแนวคิดของ Estcoin โดยทันที และบอกว่าสกุลเงินเดียวที่ใช้ในสหภาพยุโรปก็คือเงิน Euro
บางทีเหตุผลที่ Bitcoin ประสบความสำเร็จอาจเป็นเพราะไม่มีกฎหมายรองรับก็เป็นได้ เพราะการเป็นเจ้าของบัญชีโดยไม่ต้องระบุตัวตนอาจเปิดช่องทางให้ใครหลายคน
ยกตัวอย่างของการใช้ประโยชน์ที่ไม่ถูกต้อง โปรแกรมเรียกค่าไถ่ (Ransomware) ที่แฮกเกอร์พัฒนาขึ้นมาก็ใช้เงินบิทคอยน์เป็นอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาว่าเงินที่เหยื่อจ่ายไปอยู่ที่ไหน จึงไม่สามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้
นอกจากที่จะไม่สามารถหาผู้กระทำผิดได้แล้ว สกุลเงินออนไลน์ก็ไม่ต้องจ่ายภาษี และไม่อยู่ภายใต้กฎหมายใดๆ ทำให้รัฐบาลไม่สนับสนุนกับกระบวนการเหล่านี้
นี่อาจทำให้เราสรุปคร่าวๆได้ว่า เงินสกุลออนไลน์นั้นคงจะไม่ได้รับการสนับสนุนหากไม่มีการยืนยันตัวตนได้อย่างที่ธนาคารทำอยู่ในปัจจุบัน
ส่วนตัวผมอยากให้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสกุลเงินออนไลน์ และหาหนทางที่ถูกต้องเพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยีนี้
Author: Tony Anscombe
Source: https://www.welivesecurity.com/2017/09/12/cryptocurrency-state-sponsorship/
Translated by: Worapon H.
แบ่งปันสิ่งนี้: