แนะนำตัว
ดีไซน์เนอร์ชื่อดัง Sandy Powell เคยเป็นนักแสดงตลกมาก่อน สำหรับใครที่รู้จักเธอในรายการวิทยุคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “Can you hear me, mother?” ซึ่งหากย้อนกลับ ณ ตอนนั้นคงไม่มีใครไม่เคยได้ยินคำนี้และโด่งดังเสียจนมีคนต่อต้านว่า คนดังจะทำอะไรก็ดังอยู่แล้วไม่เกี่ยวว่าพวกเขาจะต้องมีความสามารถมากนักหรอก อะไรทำนองนี้
แต่อย่างไรก็ตามไม่กี่เดือนมานี้คำๆนี้กลับมา แต่กลับมาในรูปแบบของการหลอกลวง โดยมิจฉาชีพใช้วลีเดียวกันถามกับเหยื่อ “Can you hear me?” รายงานจากคณะกรรมธิการสื่อสารแห่งชาติ (FCC):
‘Scam callers [are] seeking to get victims to say the word “yes” during a call and later use a recording of the response to authorize unwanted charges on the victim’s utility or credit card account […]’
‘มิจฉาชีพใช้วิธีบันทึกเสียงคำพูดว่า “yes” จากปากผู้เสียหายเพื่อนำไปยืนยันการใช้บัตรเครดิต/เดบิต หรือบัญชีอื่นๆ‘
คำสั่งเสียง
ทาง FCC เคยเขียนบทความเตือนผู้คนเกี่ยวกับกลลวงของมิจฉาชีพนี้ มิจฉาชีพ Call Center กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศ ประเทศไทยก็มีเช่นเดียวกัน แต่แตกต่างกันจุดประสงค์และวิธีการ
แต่แผนการ “Can you hear me?” นี่เป็นแผนการใหม่ของมิจฉาชีพที่หากินด้วยการหลอกให้ผู้ใช้พูดคำว่า “yes” เพื่อบันทึกเสียงไปใช้ในกิจกรรมการยืนยันตัวตนด้วยเสียง
เสียงใช้ได้จริงหรือไม่?
หลายคนอาจสงสัยว่าแค่การบันทึกเสียงก็สามารถทำให้มิจฉาชีพสามารถนำไปแสวงหาผลประโยชน์ได้จริงหรือ?
เว็บไซต์หาความจริง Snopes ได้รวบรวมทั้วข่าวจริงและเรื่องหลอกลวงมาเพื่อวินิจฉัยและเขียนบทความเกี่ยวกับแผนการนี้:
‘… any scenario under which a scammer could authorize charges in another person’s name simply by possessing a voice recording of that person saying “yes” …’
ข้อมูลยิ่งเยอะยิ่งอันตราย
สำหรับมิจฉาชีพแล้วยิ่งพวกเขาหาข้อมูลของเหยื่อได้มากเท่าไหร่ โอกาสที่พวกเขาจะทำเงินได้ก็มากขึ้นไปด้วย อย่างข้อมูลการใช้บัตรเครดิต/เดบิต ข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของบัตร ฯลฯ ซึ่งมีมากเพียงพอที่จะใช้บัตรของเหยื่อได้โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว และในกรณีของคำสั่งเสียงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในการทำกิจกรรมเหล่านี้
กฎหมายควบคุม
องค์กร Better Business Bureau (BBB) สาขา Pittsburge รายงานมาว่ามิจฉาชีพแอบอ้างตัวเองเป็นบริการรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน หรือองค์กรประกันสังคม มาแนะนำบริการและให้เหยื่อลงชื่อรับบริการ และใช้ข้อมูลเหล่านี้มาเล่นงานทางกฎหมายเพื่อให้เหยื่อชำระเงิน
แบบนี้ดูท่าน่าจะเข้าท่ามากกว่าการหลอกเอาคำว่า “yes” ไปคำเดียว เพราะวิธีนั้นไม่มีแม้กระทั่วการหลอกเอาข้อมูลบัตรเครดิต/เดบิต แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามมิจฉาชีพเหล่านี้มักหลุดลอดเงื้อมมือของผู้รักษากฎหมายไปได้ เพราะขาดหลักฐานและความร่วมมือจากผู้เสียหาย
การร้องเรียน?
มีผู้รายงานแผนการ ‘Can you hear me?’ เป็นจำนวนมาก ทาง CNET คุณ Matt Elliot บอกว่าทาง BBB กำลังลงพื้นที่อย่างจริงจัง แต่ทาง Snopes บอกว่ารายงานที่เข้าไม่ได้มาจากเหยื่อตัวจริง แต่มาจากคนที่เคยได้พบเคยเห็นแผนการรูปแบบนี้ และผลในทางกลับกันคือผู้ต้องการติดต่อธุระจริงๆกลับถูกวางสายใส่หากพูดอะไรในทำนองเดียวกัน
ป้องกันตัวอย่างไร?
เนื่องจากกรณีนี้เป็นตัวอย่างจากต่างประเทศ และแผนการเหล่านี้ก็ยังไม่มาปรากฎตัวในไทย แต่ไม่แน่วันหนึ่งเราอาจจะเจอแผนการเหล่านี้แพร่กระจายอยู่ในไทยก็ได้ และมาดูกันว่าถ้าหากเจอภัยเหล่านี้เราควรทำอย่างไร:
ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวกับใครผ่านโทรศัพท์ โดยเฉพาะจากเบอร์ที่ไม่ปรากฎชื่อ
หมั่นตรวจสอบบัญชีธนาคาร หรือบัญชีอื่นๆที่มีความสำคัญว่ามีกิจกรรมต้องสงสัยเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ามีให้รีบตรวจสอบกับทางธนาคารหรือบริษัทโดยทันที
อย่าหลงเชื่อคำเชื้อเชิญของมิจฉาชีพ เพราะอะไรดีมันดีเกินจริง โอกาสที่จะไม่จริงมีสูงมาก
Author: David Harley
Source: https://www.welivesecurity.com/2017/04/26/scam-calls-can-hear-mother/
Translated by: Worapon H.
Like this:
ถูกใจ กำลังโหลด...
แนะนำตัว
ดีไซน์เนอร์ชื่อดัง Sandy Powell เคยเป็นนักแสดงตลกมาก่อน สำหรับใครที่รู้จักเธอในรายการวิทยุคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “Can you hear me, mother?” ซึ่งหากย้อนกลับ ณ ตอนนั้นคงไม่มีใครไม่เคยได้ยินคำนี้และโด่งดังเสียจนมีคนต่อต้านว่า คนดังจะทำอะไรก็ดังอยู่แล้วไม่เกี่ยวว่าพวกเขาจะต้องมีความสามารถมากนักหรอก อะไรทำนองนี้
แต่อย่างไรก็ตามไม่กี่เดือนมานี้คำๆนี้กลับมา แต่กลับมาในรูปแบบของการหลอกลวง โดยมิจฉาชีพใช้วลีเดียวกันถามกับเหยื่อ “Can you hear me?” รายงานจากคณะกรรมธิการสื่อสารแห่งชาติ (FCC):
‘Scam callers [are] seeking to get victims to say the word “yes” during a call and later use a recording of the response to authorize unwanted charges on the victim’s utility or credit card account […]’
‘มิจฉาชีพใช้วิธีบันทึกเสียงคำพูดว่า “yes” จากปากผู้เสียหายเพื่อนำไปยืนยันการใช้บัตรเครดิต/เดบิต หรือบัญชีอื่นๆ‘
คำสั่งเสียง
ทาง FCC เคยเขียนบทความเตือนผู้คนเกี่ยวกับกลลวงของมิจฉาชีพนี้ มิจฉาชีพ Call Center กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศ ประเทศไทยก็มีเช่นเดียวกัน แต่แตกต่างกันจุดประสงค์และวิธีการ
แต่แผนการ “Can you hear me?” นี่เป็นแผนการใหม่ของมิจฉาชีพที่หากินด้วยการหลอกให้ผู้ใช้พูดคำว่า “yes” เพื่อบันทึกเสียงไปใช้ในกิจกรรมการยืนยันตัวตนด้วยเสียง
เสียงใช้ได้จริงหรือไม่?
หลายคนอาจสงสัยว่าแค่การบันทึกเสียงก็สามารถทำให้มิจฉาชีพสามารถนำไปแสวงหาผลประโยชน์ได้จริงหรือ?
เว็บไซต์หาความจริง Snopes ได้รวบรวมทั้วข่าวจริงและเรื่องหลอกลวงมาเพื่อวินิจฉัยและเขียนบทความเกี่ยวกับแผนการนี้:
‘… any scenario under which a scammer could authorize charges in another person’s name simply by possessing a voice recording of that person saying “yes” …’
ข้อมูลยิ่งเยอะยิ่งอันตราย
สำหรับมิจฉาชีพแล้วยิ่งพวกเขาหาข้อมูลของเหยื่อได้มากเท่าไหร่ โอกาสที่พวกเขาจะทำเงินได้ก็มากขึ้นไปด้วย อย่างข้อมูลการใช้บัตรเครดิต/เดบิต ข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของบัตร ฯลฯ ซึ่งมีมากเพียงพอที่จะใช้บัตรของเหยื่อได้โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว และในกรณีของคำสั่งเสียงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในการทำกิจกรรมเหล่านี้
กฎหมายควบคุม
องค์กร Better Business Bureau (BBB) สาขา Pittsburge รายงานมาว่ามิจฉาชีพแอบอ้างตัวเองเป็นบริการรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน หรือองค์กรประกันสังคม มาแนะนำบริการและให้เหยื่อลงชื่อรับบริการ และใช้ข้อมูลเหล่านี้มาเล่นงานทางกฎหมายเพื่อให้เหยื่อชำระเงิน
แบบนี้ดูท่าน่าจะเข้าท่ามากกว่าการหลอกเอาคำว่า “yes” ไปคำเดียว เพราะวิธีนั้นไม่มีแม้กระทั่วการหลอกเอาข้อมูลบัตรเครดิต/เดบิต แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามมิจฉาชีพเหล่านี้มักหลุดลอดเงื้อมมือของผู้รักษากฎหมายไปได้ เพราะขาดหลักฐานและความร่วมมือจากผู้เสียหาย
การร้องเรียน?
มีผู้รายงานแผนการ ‘Can you hear me?’ เป็นจำนวนมาก ทาง CNET คุณ Matt Elliot บอกว่าทาง BBB กำลังลงพื้นที่อย่างจริงจัง แต่ทาง Snopes บอกว่ารายงานที่เข้าไม่ได้มาจากเหยื่อตัวจริง แต่มาจากคนที่เคยได้พบเคยเห็นแผนการรูปแบบนี้ และผลในทางกลับกันคือผู้ต้องการติดต่อธุระจริงๆกลับถูกวางสายใส่หากพูดอะไรในทำนองเดียวกัน
ป้องกันตัวอย่างไร?
เนื่องจากกรณีนี้เป็นตัวอย่างจากต่างประเทศ และแผนการเหล่านี้ก็ยังไม่มาปรากฎตัวในไทย แต่ไม่แน่วันหนึ่งเราอาจจะเจอแผนการเหล่านี้แพร่กระจายอยู่ในไทยก็ได้ และมาดูกันว่าถ้าหากเจอภัยเหล่านี้เราควรทำอย่างไร:
ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวกับใครผ่านโทรศัพท์ โดยเฉพาะจากเบอร์ที่ไม่ปรากฎชื่อ
หมั่นตรวจสอบบัญชีธนาคาร หรือบัญชีอื่นๆที่มีความสำคัญว่ามีกิจกรรมต้องสงสัยเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ามีให้รีบตรวจสอบกับทางธนาคารหรือบริษัทโดยทันที
อย่าหลงเชื่อคำเชื้อเชิญของมิจฉาชีพ เพราะอะไรดีมันดีเกินจริง โอกาสที่จะไม่จริงมีสูงมาก
Author: David Harley
Source: https://www.welivesecurity.com/2017/04/26/scam-calls-can-hear-mother/
Translated by: Worapon H.
Share this:
Like this: