ณ ตอนนี้หลายประเทศกำลังพัฒนาเศรษฐกิจในโลกดิจิตอลกันอยู่ โดยมีจุดหมายเพื่อสร้างงาน เพิ่มผลผลิตและพัฒนาเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศ ดังนั้นนี่คือเหตุผลที่พวกเขาควรตระหนักว่าอะไรที่เป็นบ่อนทำลายหรือขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจ ทาง ESET จึงตัดสินใจถามชาวสหรัฐฯ 1,000 คนด้วยคำถาม:
Do you think problems with digital technology, like computer hacking and network outages, pose a risk to your security and wellbeing?
“คุณคิดว่าปัญหาของเทคโนโลยีดิจิตอลอย่าง การแฮกคอมพิวเตอร์ และความขัดข้องของเน็ตเวิร์คก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัย?”
ก่อนอื่นผมขอจำกัดความคำว่า ‘digital economy’ ก่อน digital economy อาจเรียกว่า “กิจกรรมทางเศรษฐกิจบนเครือข่ายของเทคโนโลยีและข้อมูลทั่วโลก” หรือพูดง่ายๆว่าเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นบนโลกเทคโนโลยีดิจิตอล
พื้นฐานของแบบสำรวจ
อย่างที่นายกเทศมนตรีของ Enhancing National Cybersecurity บอก “เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มีศักยภาพที่จะพัฒนาชีวิตชาวอเมริกัน ในแต่ละวันเราเห็นเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา และหนทางที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจรวมถึงคุณภาพชีวิตและการทำงาน”
“พวกเรากำลังอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีทำให้พวกเราสามารถทำงานได้เร็วขึ้น, มีประสิทธิภาพมากขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น สร้างการเปลี่ยนแปลงมากมายในที่ทำงานของเรา ชีวิตของเราได้รับการตกแต่งจากเทคโนโลยีที่เป็นผลงานของนักประดิษฐ์ที่ต้องการให้เทคโนโลยีทำงานแทน”
เมื่อนายกเทศมนตรีพูดสิ่งนี้ขึ้นมา “เศรษฐกิจและสังคมดิจิตอลของเราจะลุล่วงไปได้ด้วยดีถ้าหากชาวอเมริกันเชื่อในความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของระบบ” ซึ่งนอกจากที่ผมจะเห็นด้วยกับความคิดนี้แล้ว ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เผชิญหน้ากับมันมาเป็นเวลามากกว่า 2 ทศวรรษ
แม้ว่าเศรษฐกิจออนไลน์จะเติบโตขึ้นแต่นับตั้งแต่ปี 1990 แต่คนบางคนก็ยังไม่มีความเข้าใจกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว และพวกเรากำลังเข้าศตวรรษที่อาชญากรรมไซเบอร์กำลังออกอาละวาด ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกมันกำลังเติบโตขึ้นโดยที่ไม่มีใครสนใจ
แต่เมื่อปี 2013 ผมมีโอกาสที่จะวัดผลกระทบของมันที่มีต่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว และผมก็พบว่าเศรษฐกิจดิจิตอลนั้นไม่ได้ปลอดภัยจากก่ีโจมตี ESET จีงจัดทำพยายามบอกให้ผู้ตอบแบบสอบถามลดกิจกรรมเหล่านี้ลง และจากผลการสำรวจก็พบว่าพวกเขาทำกิจกรรมน้อยลงจริงๆ

ผลการสำรวจ
ชัดเจนว่าชาวอเมริกันเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้เทคโนโลยี และยังสอบถามประเด็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ความปลอดภัย กลับมาที่คำถามหลักที่กล่าวไว้ช่วงต้น โดยแบ่งความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงเป็น 4 ระดับ: แทบไม่มีความเสี่ยง; ค่อนข้างเสี่ยง; เสี่ยงปานกลาง; เสี่ยงสูง
ผมคาดการณ์ไว้ว่าอัตราส่วนของ (แทบไม่มีความเสี่ยง+ค่อนข้างเสี่ยง) และ (เสี่ยงปานกลาง+เสี่ยงสูง) จะอยู่ที่ 50:50 แต่ผลที่ได้ก็คือ 32:68 ซึ่งบอกเราเป็นนัยๆว่าผู้คนใส่ใจกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

มีเพียง 1 ใน 8 เท่านั้นที่บอกว่า “แทบไม่มีความเสี่ยง” และน้อยกว่า 1 ใน 5 บอกว่า “ค่อนข้างเสี่ยง” เมื่อเทียบอายุแล้วพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุต่ำกว่า 45 ปีมองว่าความเสี่ยงมีน้อยกว่า ผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป และที่น่าเป็นห่วงก็คือคนที่มีช่วงอายุต่ำกว่า 45 ปีคือคนที่เป็นกำลังแรงงานในปัจจุบันและในอนาคต
ขอสรุปเลยละกันว่าชาวอเมริกันคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับเทคโนโลยีอย่างการแฮกคอมพิวเตอร์ และการขัดข้องของเน็ตเวิร์ค เพิ่มความเสี่ยงให้กับความปลอดภัย
Author: Stephen Cobb
Source: https://www.welivesecurity.com/2017/04/26/will-cybercrime-and-other-cybersecurity-issues-undermine-the-digital-economy/
Translated by: Worapon H.
ณ ตอนนี้หลายประเทศกำลังพัฒนาเศรษฐกิจในโลกดิจิตอลกันอยู่ โดยมีจุดหมายเพื่อสร้างงาน เพิ่มผลผลิตและพัฒนาเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศ ดังนั้นนี่คือเหตุผลที่พวกเขาควรตระหนักว่าอะไรที่เป็นบ่อนทำลายหรือขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจ ทาง ESET จึงตัดสินใจถามชาวสหรัฐฯ 1,000 คนด้วยคำถาม:
Do you think problems with digital technology, like computer hacking and network outages, pose a risk to your security and wellbeing?
“คุณคิดว่าปัญหาของเทคโนโลยีดิจิตอลอย่าง การแฮกคอมพิวเตอร์ และความขัดข้องของเน็ตเวิร์คก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัย?”
ก่อนอื่นผมขอจำกัดความคำว่า ‘digital economy’ ก่อน digital economy อาจเรียกว่า “กิจกรรมทางเศรษฐกิจบนเครือข่ายของเทคโนโลยีและข้อมูลทั่วโลก” หรือพูดง่ายๆว่าเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นบนโลกเทคโนโลยีดิจิตอล
พื้นฐานของแบบสำรวจ
อย่างที่นายกเทศมนตรีของ Enhancing National Cybersecurity บอก “เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มีศักยภาพที่จะพัฒนาชีวิตชาวอเมริกัน ในแต่ละวันเราเห็นเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา และหนทางที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจรวมถึงคุณภาพชีวิตและการทำงาน”
“พวกเรากำลังอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีทำให้พวกเราสามารถทำงานได้เร็วขึ้น, มีประสิทธิภาพมากขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น สร้างการเปลี่ยนแปลงมากมายในที่ทำงานของเรา ชีวิตของเราได้รับการตกแต่งจากเทคโนโลยีที่เป็นผลงานของนักประดิษฐ์ที่ต้องการให้เทคโนโลยีทำงานแทน”
เมื่อนายกเทศมนตรีพูดสิ่งนี้ขึ้นมา “เศรษฐกิจและสังคมดิจิตอลของเราจะลุล่วงไปได้ด้วยดีถ้าหากชาวอเมริกันเชื่อในความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของระบบ” ซึ่งนอกจากที่ผมจะเห็นด้วยกับความคิดนี้แล้ว ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เผชิญหน้ากับมันมาเป็นเวลามากกว่า 2 ทศวรรษ
แม้ว่าเศรษฐกิจออนไลน์จะเติบโตขึ้นแต่นับตั้งแต่ปี 1990 แต่คนบางคนก็ยังไม่มีความเข้าใจกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว และพวกเรากำลังเข้าศตวรรษที่อาชญากรรมไซเบอร์กำลังออกอาละวาด ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกมันกำลังเติบโตขึ้นโดยที่ไม่มีใครสนใจ
แต่เมื่อปี 2013 ผมมีโอกาสที่จะวัดผลกระทบของมันที่มีต่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว และผมก็พบว่าเศรษฐกิจดิจิตอลนั้นไม่ได้ปลอดภัยจากก่ีโจมตี ESET จีงจัดทำพยายามบอกให้ผู้ตอบแบบสอบถามลดกิจกรรมเหล่านี้ลง และจากผลการสำรวจก็พบว่าพวกเขาทำกิจกรรมน้อยลงจริงๆ
ผลการสำรวจ
ชัดเจนว่าชาวอเมริกันเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้เทคโนโลยี และยังสอบถามประเด็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ความปลอดภัย กลับมาที่คำถามหลักที่กล่าวไว้ช่วงต้น โดยแบ่งความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงเป็น 4 ระดับ: แทบไม่มีความเสี่ยง; ค่อนข้างเสี่ยง; เสี่ยงปานกลาง; เสี่ยงสูง
ผมคาดการณ์ไว้ว่าอัตราส่วนของ (แทบไม่มีความเสี่ยง+ค่อนข้างเสี่ยง) และ (เสี่ยงปานกลาง+เสี่ยงสูง) จะอยู่ที่ 50:50 แต่ผลที่ได้ก็คือ 32:68 ซึ่งบอกเราเป็นนัยๆว่าผู้คนใส่ใจกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
มีเพียง 1 ใน 8 เท่านั้นที่บอกว่า “แทบไม่มีความเสี่ยง” และน้อยกว่า 1 ใน 5 บอกว่า “ค่อนข้างเสี่ยง” เมื่อเทียบอายุแล้วพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุต่ำกว่า 45 ปีมองว่าความเสี่ยงมีน้อยกว่า ผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป และที่น่าเป็นห่วงก็คือคนที่มีช่วงอายุต่ำกว่า 45 ปีคือคนที่เป็นกำลังแรงงานในปัจจุบันและในอนาคต
ขอสรุปเลยละกันว่าชาวอเมริกันคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับเทคโนโลยีอย่างการแฮกคอมพิวเตอร์ และการขัดข้องของเน็ตเวิร์ค เพิ่มความเสี่ยงให้กับความปลอดภัย
Author: Stephen Cobb
Source: https://www.welivesecurity.com/2017/04/26/will-cybercrime-and-other-cybersecurity-issues-undermine-the-digital-economy/
Translated by: Worapon H.
แบ่งปันสิ่งนี้: