ทีมงานนักวิจัยด้านความปลอดภัยสามารถแฮกรถยนต์ของ Tesla โมเดล S ได้สำเร็จ ซึ่งสามารถปรับกระจก ล็อครถ หรือแม้กระทั่งสั่งเบรคได้ในระยะรัศมี 20 กิโลเมตร
ทีมนักวิจัย Keen Security Labs จากจีนเตือนทาง Tesla และผู้ผลิตเกี่ยวกับช่องโหว่นี้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อให้พวกเขาดำเนินการแก้ไข
ไม่นานหลังจากช่องโหว่นี้ได้รับการแก้ไข นักวิจัยส่งวิดีโอสาธิตการแฮก และแสดงขั้นตอนที่โมเดล S ถูกโจมตีจากระยะไกล
จากข่าวของ The Guardian นักวิจัยใช้วิธีแฮกเข้าเครือข่ายควบคุมรถหรือ Controller Area Network (CAN) ซึ่งพบว่าสามารถควบคุมยานพาหนะได้ทั้งแต่เปิด-ปิดไฟ ที่ปัดน้ำฝน และอื่นๆอย่างกระจก ล็อค ฯลฯ และที่สำคัญคือเบรค
การโจมตีที่เราเห็นในคลิปวิดีโอที่ทดลองบนรถ Tesla Model S รุ่น P85 และ 75D รถทั้งสองคันจำเป็นต้องอยู่ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตไร้สาย (Wifi) ที่สร้างขึ้นโดยแฮกเกอร์ ที่เปิดด้วยเว็บเบราว์เซอร์ภายในรถยนต์
ทาง Tesla บอกว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์นี้กับผู้ใช้จริงนั้นน้อยมาก แต่ทาง Tesla ก็ยินดีที่จะแก้ไขช่องโหว่นี้อย่างเร็วที่สุด ซึ่งทางทีมงานวิจัย Keen ก็ขอนับถือทาง Tesla ที่มีวิสัยทัศน์ในการแก้ไขปัญหาล่วงหน้า และบอกกับผู้ใช้ของพวกเขาให้อัพเดตเฟิร์มแวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด เพื่อเป็นการการันตีว่าเหตุการณ์ในรูปแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น
ในขณะที่ Tesla มีแผนรับมือที่รวดเร็ว ทีมรักษาความปลอดภัยของรถยนต์ยี่ห้ออื่นกำลังถูกท้าทายด้วยบททดสอบเดียวกันนี้
ทีมงานนักวิจัยด้านความปลอดภัยสามารถแฮกรถยนต์ของ Tesla โมเดล S ได้สำเร็จ ซึ่งสามารถปรับกระจก ล็อครถ หรือแม้กระทั่งสั่งเบรคได้ในระยะรัศมี 20 กิโลเมตร
ทีมนักวิจัย Keen Security Labs จากจีนเตือนทาง Tesla และผู้ผลิตเกี่ยวกับช่องโหว่นี้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อให้พวกเขาดำเนินการแก้ไข
ไม่นานหลังจากช่องโหว่นี้ได้รับการแก้ไข นักวิจัยส่งวิดีโอสาธิตการแฮก และแสดงขั้นตอนที่โมเดล S ถูกโจมตีจากระยะไกล
จากข่าวของ The Guardian นักวิจัยใช้วิธีแฮกเข้าเครือข่ายควบคุมรถหรือ Controller Area Network (CAN) ซึ่งพบว่าสามารถควบคุมยานพาหนะได้ทั้งแต่เปิด-ปิดไฟ ที่ปัดน้ำฝน และอื่นๆอย่างกระจก ล็อค ฯลฯ และที่สำคัญคือเบรค
การโจมตีที่เราเห็นในคลิปวิดีโอที่ทดลองบนรถ Tesla Model S รุ่น P85 และ 75D รถทั้งสองคันจำเป็นต้องอยู่ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตไร้สาย (Wifi) ที่สร้างขึ้นโดยแฮกเกอร์ ที่เปิดด้วยเว็บเบราว์เซอร์ภายในรถยนต์
ทาง Tesla บอกว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์นี้กับผู้ใช้จริงนั้นน้อยมาก แต่ทาง Tesla ก็ยินดีที่จะแก้ไขช่องโหว่นี้อย่างเร็วที่สุด ซึ่งทางทีมงานวิจัย Keen ก็ขอนับถือทาง Tesla ที่มีวิสัยทัศน์ในการแก้ไขปัญหาล่วงหน้า และบอกกับผู้ใช้ของพวกเขาให้อัพเดตเฟิร์มแวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด เพื่อเป็นการการันตีว่าเหตุการณ์ในรูปแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น
ในขณะที่ Tesla มีแผนรับมือที่รวดเร็ว ทีมรักษาความปลอดภัยของรถยนต์ยี่ห้ออื่นกำลังถูกท้าทายด้วยบททดสอบเดียวกันนี้
ตราบใดที่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ภัยร้ายอาจเกิดขึ้นกับสิ่งเหล่านั้นได้ หากไม่ได้การปกป้องที่ดี แม้กระทั่ง JEEP ก็เคยตกเป็นเป้าโจมตี
แบ่งปันสิ่งนี้: