เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Eugene Kaspersky โพสต์บล็อกเกี่ยวกับองค์กรของเขา ว่าด้วยเรื่องที่พวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อให้ผู้ใช้มีทางเลือกในการซื้อผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยมากและง่ายพอ
คงไม่แปลกที่ทาง Microsoft จะผลักดันและใช้อำนาจของตัวเองในการให้ Windows Defender เป็นโปรแกรมรักษาความปลอดภัยประจำ Windows และมอบความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ของเขา Windows Defender ติดตั้งอยู่บน Windows โดยอัตโนมัติ ซึ่งทำให้ผู้ใช้ไม่นำผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยตัวอื่นมาติดตั้ง
ประเด็นของเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์ในรูปของตัวเงินแต่เป็นแนวคิดที่ว่า หากผู้ใช้ส่วนมากใช้ผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยชนิดเดียวกัน โอกาสในการติดไวรัสหรือมัลแวร์จะแตกต่างจากกรณีที่ผู้ใช้ ใช้โปรแกรมรักษาความปลอดภัยที่หลากหลายอย่างไร?
จากรายงานโดย Neil Rubenking จาก PCMag บอกว่า “บางประเทศที่มีการใช้โปรแกรมรักษาความปลอดภัยที่ไม่หลากหลาย มีโอกาสในการติดไวรัสมากกว่า พื้นที่ที่มีความหลากหลายในการใช้งานโปรแกรมรักษาความปลอดภัย”
สรุปได้ว่าความหลากหลายในการใช้โปรแกรมรักษาความปลอดภัยน้อย อัตราการติดไวรัสมาก
นี่ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติแต่อย่างใด แต่ลองนึกภาพเมืองที่ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยรุ่นเดียวกัน สิ่งที่มิจฉาชีพทำก็คือมุ่งหน้าหาวิธีจัดการกับระบบรักษาความปลอดภัยรุ่นนี้รุ่นเดียว ในวงการรักษาความปลอดภัยก็เหมือนกัน แฮกเกอร์ทำงานกันเป็นธุรกิจ พวกเขารู้วิธีที่จะทำเงินและพวกเขาคงชอบหากมีผู้ผลิตรายใดรายหนึ่งครองตลาดโปรแกรมรักษาความปลอดภัย
จริงๆเจตนาของ Microsoft ก็คือการมอบความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ Windows แต่การใช้โปรแกรมรักษาความปลอดภัยเพียงตัวเดียวนั้นไม่เพียงพอต่อการรักษาความปลอดภัยในปัจจุบัน เพราะ Micrisoft ต้องการตัวแทนจำหน่าย และตัวแทนจำหน่ายก็ต้องการ Microsoft เช่นกัน
Author: TONY ANSCOMBE
Source: https://www.welivesecurity.com/2017/05/11/93681/
Translated by: Worapon H.
เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Eugene Kaspersky โพสต์บล็อกเกี่ยวกับองค์กรของเขา ว่าด้วยเรื่องที่พวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อให้ผู้ใช้มีทางเลือกในการซื้อผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยมากและง่ายพอ
คงไม่แปลกที่ทาง Microsoft จะผลักดันและใช้อำนาจของตัวเองในการให้ Windows Defender เป็นโปรแกรมรักษาความปลอดภัยประจำ Windows และมอบความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ของเขา Windows Defender ติดตั้งอยู่บน Windows โดยอัตโนมัติ ซึ่งทำให้ผู้ใช้ไม่นำผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยตัวอื่นมาติดตั้ง
ประเด็นของเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์ในรูปของตัวเงินแต่เป็นแนวคิดที่ว่า หากผู้ใช้ส่วนมากใช้ผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยชนิดเดียวกัน โอกาสในการติดไวรัสหรือมัลแวร์จะแตกต่างจากกรณีที่ผู้ใช้ ใช้โปรแกรมรักษาความปลอดภัยที่หลากหลายอย่างไร?
จากรายงานโดย Neil Rubenking จาก PCMag บอกว่า “บางประเทศที่มีการใช้โปรแกรมรักษาความปลอดภัยที่ไม่หลากหลาย มีโอกาสในการติดไวรัสมากกว่า พื้นที่ที่มีความหลากหลายในการใช้งานโปรแกรมรักษาความปลอดภัย”
สรุปได้ว่าความหลากหลายในการใช้โปรแกรมรักษาความปลอดภัยน้อย อัตราการติดไวรัสมาก
นี่ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติแต่อย่างใด แต่ลองนึกภาพเมืองที่ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยรุ่นเดียวกัน สิ่งที่มิจฉาชีพทำก็คือมุ่งหน้าหาวิธีจัดการกับระบบรักษาความปลอดภัยรุ่นนี้รุ่นเดียว ในวงการรักษาความปลอดภัยก็เหมือนกัน แฮกเกอร์ทำงานกันเป็นธุรกิจ พวกเขารู้วิธีที่จะทำเงินและพวกเขาคงชอบหากมีผู้ผลิตรายใดรายหนึ่งครองตลาดโปรแกรมรักษาความปลอดภัย
จริงๆเจตนาของ Microsoft ก็คือการมอบความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ Windows แต่การใช้โปรแกรมรักษาความปลอดภัยเพียงตัวเดียวนั้นไม่เพียงพอต่อการรักษาความปลอดภัยในปัจจุบัน เพราะ Micrisoft ต้องการตัวแทนจำหน่าย และตัวแทนจำหน่ายก็ต้องการ Microsoft เช่นกัน
Author: TONY ANSCOMBE
Source: https://www.welivesecurity.com/2017/05/11/93681/
Translated by: Worapon H.
แบ่งปันสิ่งนี้: